เปิดลิสต์ 8 หมู่บ้านโบราณญี่ปุ่นที่ต้องไปให้ได้สักครั้งในชีวิต

หากคุณเป็นคนหนึ่งที่หลงใหลในเสน่ห์ของญี่ปุ่นแบบดั้งเดิม ชื่นชอบบรรยากาศที่เงียบสงบ และอยากสัมผัสวิถีชีวิตเรียบง่ายที่ยังคงความงามดั้งเดิมไว้ได้อย่างสมบูรณ์ การวางแผน เที่ยวญี่ปุ่นฤดูหนาว เพื่อเยือนหมู่บ้านโบราณ คือประสบการณ์ที่ควรสัมผัสสักครั้งในชีวิต เพราะฤดูหนาวของญี่ปุ่นไม่ได้มีดีแค่หิมะหรือบรรยากาศโรแมนติกเท่านั้น แต่ยังทำให้คุณได้เห็นอีกมุมหนึ่งของญี่ปุ่นที่งดงามเกินคำบรรยาย

เมื่อเข้าสู่ช่วงเดือนธันวาคมถึงกุมภาพันธ์ หมู่บ้านโบราณทั่วญี่ปุ่นจะถูกปกคลุมด้วยหิมะขาวสะอาด ตัดกับหลังคาทรงกัสโซของบ้านไม้เก่าแก่ที่ตั้งเรียงรายกันอย่างมีระเบียบ ราวกับหลุดออกมาจากภาพวาด หนึ่งในสถานที่ยอดนิยมที่สุดคือ หมู่บ้านชิราคาวาโกะ (Shirakawago) มรดกโลกยูเนสโกที่โด่งดังไปทั่วโลก ด้วยเอกลักษณ์ของบ้านทรงกัสโซซึคุริที่มุงหลังคาหนาเพื่อรองรับหิมะตกหนัก และจะสวยที่สุดในช่วง เที่ยวญี่ปุ่นฤดูหนาว เพราะมีการจัดงาน Light-up ที่เปล่งแสงอุ่นส่องสะท้อนกับหิมะสีขาว กลายเป็นภาพในฝันที่นักเดินทางทุกคนอยากเห็นด้วยตาตัวเอง

นอกจากนี้ยังมีหมู่บ้าน โกคายามะ (Gokayama) ที่เงียบสงบกว่าแต่เปี่ยมด้วยเสน่ห์ดั้งเดิม หรือจะไปสัมผัสเมืองเก่า ทาคายามะ (Takayama) ที่คงบรรยากาศยุคเอโดะไว้อย่างงดงาม ส่วน ทสึมาโกะจูกุ (Tsumago-juku) และ นาราอิจูกุ (Narai-juku) ก็จะพาคุณย้อนเวลากลับไปในเส้นทางของเหล่านักเดินทางซามูไรที่เคยเดินข้ามภูเขาในอดีต

ถัดไปยังฝั่งตะวันตกของญี่ปุ่น หมู่บ้าน โออุจิจูกุ (Ouchijuku) ในจังหวัดฟุกุชิมะจะทำให้คุณหลงรักด้วยหลังคามุงฟางหนาที่ปกคลุมด้วยหิมะในฤดูหนาว ส่วน คุราชิกิ (Kurashiki) เมืองริมคลองโรแมนติกในจังหวัดโอคายามะ และ คาวาโกเอะ (Kawagoe) เมืองเก่าที่เดินทางง่ายจากโตเกียว ต่างก็มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวที่ถ่ายทอดความอบอุ่นแบบญี่ปุ่นแท้

หมู่บ้านโบราณญี่ปุ่นเหล่านี้ไม่ได้เป็นเพียงแหล่งท่องเที่ยวธรรมดา แต่คือสมบัติทางวัฒนธรรมที่ได้รับการอนุรักษ์มาหลายศตวรรษ แต่ละหมู่บ้านล้วนมีเอกลักษณ์เฉพาะตัวที่แตกต่างกันออกไป ไม่ว่าจะเป็นบ้านไม้ทรงแบบดั้งเดิม ธรรมชาติที่ล้อมรอบ หรือวัฒนธรรมท้องถิ่นที่ชาวบ้านยังคงรักษาไว้อย่างภาคภูมิใจ บทความนี้จะพาคุณไปรู้จักกับ 8 หมู่บ้านโบราณญี่ปุ่นยอดนิยมที่นักท่องเที่ยวทั่วโลกให้การยอมรับว่าต้องไปให้ได้สักครั้งในชีวิต พร้อมข้อมูลที่จะช่วยให้คุณเตรียมวางแผนเที่ยวญี่ปุ่นได้อย่างมีประสิทธิภาพ

1. Shirakawa-go (白川郷) - มรดกโลกแห่งเทือกเขาฮิดะ

Shirakawago คือหมู่บ้านโบราณญี่ปุ่นที่โด่งดังที่สุดและได้รับความนิยมสูงสุดในหมู่นักท่องเที่ยวทั้งชาวญี่ปุ่นและชาวต่างชาติ ตั้งอยู่ในเทือกเขาฮิดะ จังหวัดกิฟุ หมู่บ้านแห่งนี้ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกทางวัฒนธรรมจากยูเนสโกในปี 1995 เนื่องจากสถาปัตยกรรมแบบกัสโซซึคุริ (Gassho-zukuri) ที่มีลักษณะเด่นคือหลังคาจั่วสูงชันคล้ายฝ่ามือที่ประนมไหว้

จุดเด่นของShirakawagoคือบ้านไม้โบราณมากกว่า 100 หลัง ที่ยังคงมีผู้คนอาศัยอยู่และดำเนินชีวิตแบบดั้งเดิม หลังคาที่ชันมากถึง 60 องศาออกแบบมาเพื่อให้หิมะไถลลงมาได้เองในฤดูหนาว ป้องกันไม่ให้บ้านทรุดโทรมจากน้ำหนักของหิมะ การเที่ยวญี่ปุ่นฤดูหนาวที่ Shirakawago ถือเป็นประสบการณ์สุดพิเศษ โดยเฉพาะในช่วงมกราคมถึงกุมภาพันธ์ที่มีงาน Light-Up Event ที่จัดขึ้น 4-6 ครั้งต่อฤดูกาล เป็นการเปิดไฟประดับหมู่บ้านหิมะญี่ปุ่นในเวลากลางคืน สร้างบรรยากาศที่โรแมนติกและน่าประทับใจ

ที่นี่คุณสามารถเดินชม Wada House ซึ่งเป็นบ้านกัสโซซึคุริที่ใหญ่ที่สุดและเปิดให้เข้าชมภายใน หรือขึ้นไปชมวิวแบบพาโนรามาของทั้งหมู่บ้านจาก Shiroyama Viewpoint ซึ่งเป็นจุดถ่ายรูปยอดนิยมที่ทุกคนมาถึงต้องแวะ นอกจากนี้ยังมีพิพิธภัณฑ์ Gassho-zukuri Minkaen ที่รวบรวมบ้านโบราณไว้มากกว่า 25 หลังให้ได้ศึกษา

2. Gokayama (五箇山) – หมู่บ้านที่เงียบสงบในหุบเขา

Gokayama ตั้งอยู่ในจังหวัดโทยามะ ห่างจาก Shirakawa-go เพียงไม่กี่กิโลเมตร และได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกพร้อมกันในปีเดียวกัน หมู่บ้านแห่งนี้แบ่งออกเป็น 2 หมู่บ้านหลัก คือ Ainokura และ Suganuma ซึ่งมีบ้านกัสโซซึคุริรวมกันประมาณ 30 หลัง

จุดเด่นของหมู่บ้านโบราณญี่ปุ่นแห่งนี้คือความเงียบสงบและไม่พลุกพล่านเท่ากับ Shirakawa-go ทำให้นักท่องเที่ยวที่ต้องการความเป็นส่วนตัวและบรรยากาศที่แท้จริงมากกว่านิยมมาที่นี่ Ainokura มีบ้านโบราณ 20 หลังกระจายอยู่บนเนินเขา สร้างภาพที่สวยงามราวกับภาพวาด ส่วน Suganuma เป็นหมู่บ้านเล็กๆ ที่มีบ้านเพียง 9 หลัง แต่มีพิพิธภัณฑ์ทำดินปืนที่น่าสนใจ เพราะในอดีตพื้นที่นี้เป็นแหล่งผลิตดินปืนที่สำคัญของญี่ปุ่น

การเที่ยวญี่ปุ่นฤดูหนาวที่ Gokayama จะได้สัมผัสกับหมู่บ้านหิมะญี่ปุ่นที่มีหิมะตกหนาถึง 2 เมตร สร้างฉากที่สวยงามเหนือจินตนาการ โดยเฉพาะในช่วงเดือนมกราคมและกุมภาพันธ์ ที่นี่ยังมีกิจกรรม Light-Up ในช่วงฤดูหนาวเช่นกัน แต่จะไม่แออัดเท่ากับ Shirakawa-go

3. Takayama (高山) - เมืองเก่าแห่งเทือกเขาญี่ปุ่น

Takayama หรือที่รู้จักกันในชื่อ "Hida-Takayama" ตั้งอยู่ในจังหวัดกิฟุ เป็นหมู่บ้านโบราณญี่ปุ่นที่มีชื่อเสียงด้านเขตเมืองเก่า (Sanmachi Suji) ซึ่งเป็นถนนสายเก่าแก่ที่เต็มไปด้วยบ้านเรือนไม้สมัยเอโดะที่ยังคงสภาพสมบูรณ์

จุดเด่นของที่นี่คือบรรยากาศของเมืองเก่าที่ยังคงรักษาเอกลักษณ์ไว้ได้อย่างสมบูรณ์ ทั้งโรงเตี๊ยมซาเกะ (ร้านผลิตสาเกะ) ร้านขนมมิตาราชิดังโกะ ร้านค้าหัตถกรรมพื้นเมือง และพิพิธภัณฑ์ต่างๆ ที่เปิดให้เข้าชม Takayama Morning Market ซึ่งจัดขึ้นทุกวันตั้งแต่เช้าเป็นอีกไฮไลท์หนึ่งที่ไม่ควรพลาด คุณจะได้พบกับผลผลิตท้องถิ่นสดใหม่และของฝากมากมาย

การเตรียมวางแผนเที่ยวญี่ปุ่นมาที่ Takayama ควรใช้เวลาอย่างน้อย 2 วัน เพราะนอกจากเมืองเก่าแล้วยังมี Hida Folk Village ซึ่งเป็นพิพิธภัณฑ์กลางแจ้งที่รวบรวมบ้านโบราณมากกว่า 30 หลังจากทั่วภูมิภาคฮิดะ และยังเป็นจุดแวะพักที่ดีในการเดินทางไป Shirakawa-go หรือ Kamikochi การเที่ยวญี่ปุ่นฤดูหนาวที่นี่จะได้สัมผัสบรรยากาศที่แตกต่าง เพราะ Takayama เป็นเมืองที่มีหิมะตกแต่ไม่หนาเท่ากับหมู่บ้านในเทือกเขา

4. Tsumago-juku (妻籠宿) - สถานีเดินทางในยุคซามูไร

Tsumago-juku ตั้งอยู่ในจังหวัดนากาโน เป็นหนึ่งใน 69 สถานีพักของเส้นทาง Nakasendo ซึ่งเป็นเส้นทางเก่าแก่ที่เชื่อมระหว่างเกียวโตกับเอโดะ (โตเกียว) ในยุคเอโดะ หมู่บ้านโบราณญี่ปุ่นแห่งนี้เป็นหมู่บ้านแห่งแรกของญี่ปุ่นที่ริเริ่มโครงการอนุรักษ์ตั้งแต่ปี 1968 โดยมีกฎห้ามสร้างอาคารใหม่ให้เข้ากับบ้านโบราณ และห้ามสายไฟฟ้าเหนือพื้นดิน

เมื่อเดินเข้าไปใน Tsumago-juku คุณจะรู้สึกเหมือนย้อนเวลากลับไปในยุคซามูไร บ้านไม้สองชั้นเรียงรายสองข้างทาง ร้านค้าโบราณขายของฝากและอาหารพื้นเมือง และบรรยากาศที่เงียบสงบทำให้รู้สึกผ่อนคลาย คุณสามารถเข้าชม Tsumago-juku Honjin ซึ่งเป็นที่พักของเจ้านายและเจ้าหน้าที่ระดับสูงในอดีต หรือ Waki-honjin Okuya ที่เป็นพิพิธภัณฑ์เปิดให้เข้าชม

สำหรับผู้ที่ชื่นชอบการเดินป่า การเตรียมวางแผนเที่ยวญี่ปุ่นด้วยการเดินจาก Tsumago ไป Magome-juku (อีกสถานีเดินทางที่อยู่ใกล้เคียง) ระยะทางประมาณ 8 กิโลเมตรใช้เวลาเดินประมาณ 2-3 ชั่วโมงผ่านทิวทัศน์ธรรมชาติที่สวยงาม ถือเป็นประสบการณ์ที่หาได้ยากในการสัมผัสญี่ปุ่นยุคโบราณ

5. Ouchijuku (大内宿) - หมู่บ้านหลังคามุงฟาง

Ouchijuku ตั้งอยู่ในจังหวัดฟุกุชิมะ เป็นอีกหนึ่งสถานีพักบนเส้นทาง Aizu-Nishi Kaido ที่เชื่อมต่อระหว่างนิกโกะกับเอซุวากามัตสึ หมู่บ้านโบราณญี่ปุ่นแห่งนี้มีความพิเศษตรงที่บ้านทุกหลังยังคงมุงหลังคาด้วยฟาง (kayabuki) ตามแบบดั้งเดิม มีบ้านโบราณมากกว่า 40 หลังเรียงรายสองข้างถนนสายหลัก

จุดเด่นของที่นี่คือบรรยากาศที่เรียบง่ายและเป็นธรรมชาติ บ้านหลายหลังเปลี่ยนเป็นร้านอาหาร ร้านขายของที่ระลึก และเกสต์เฮ้าส์ คุณสามารถลองอาหารพื้นเมืองอย่าง Negi-soba (โซบะที่กินโดยใช้ต้นหอมยาวแทนตะเกียบ) ซึ่งเป็นเมนูขึ้นชื่อของที่นี่ หรือขึ้นไปชมวิวมุมสูงที่ Misasagiyama Observation Point ซึ่งสามารถมองเห็นทั้งหมู่บ้านและภูเขาเรียงรายโดยรอบ

การเที่ยวญี่ปุ่นฤดูหนาวที่ Ouchijuku จะได้สัมผัสหมู่บ้านหิมะญี่ปุ่นที่งดงาม โดยเฉพาะในเดือนกุมภาพันธ์ที่มีเทศกาล Snow Festival จัดกิจกรรมพิเศษและเปิดโคมไฟประดับประดาในยามค่ำคืน สร้างบรรยากาศที่โรแมนติกและน่าประทับใจ

6. Kurashiki Bikan Historical Quarter (倉敷美観地区) - เมืองคลองแห่งบิเซ็น

Kurashiki Bikan Historical Quarter ตั้งอยู่ในเมืองคุราชิกิ จังหวัดโอกายามะ เป็นหมู่บ้านโบราณญี่ปุ่นแบบเมืองท่าในยุคเอโดะที่มีเอกลักษณ์แตกต่างจากหมู่บ้านอื่นๆ เพราะมีคลองสำคัญไหลผ่านใจกลางเมือง ล้อมรอบด้วยต้นหลิวญี่ปุ่นและบ้านเรือนขาวดำตามสถาปัตยกรรมแบบคุระ (โกดังเก็บข้าว)

ในยุคเอโดะ Kurashiki เป็นเมืองท่าที่สำคัญในการขนส่งข้าวและสินค้าต่างๆ โกดังที่ใช้เก็บสินค้าในอดีตหลายแห่งได้ถูกดัดแปลงเป็นพิพิธภัณฑ์ ร้านอาหาร คาเฟ่ และร้านหัตถกรรม คุณสามารถล่องเรือไปตามคลองเพื่อชมบรรยากาศสองข้างทางแบบสบายๆ หรือเดินเล่นชม Ohara Museum of Art ซึ่งเป็นพิพิธภัณฑ์ศิลปะแห่งแรกของญี่ปุ่นที่จัดแสดงผลงานศิลปะตะวันตก

การเตรียมวางแผนเที่ยวญี่ปุ่นมาที่ Kurashiki ควรมาในวันธรรมดาเพื่อหลีกเลี่ยงนักท่องเที่ยว และควรมาในช่วงเช้าหรือเย็นเพื่อได้แสงสวยในการถ่ายภาพ พื้นที่นี้เหมาะสำหรับการเดินเล่นอย่างสบายๆ และเพลิดเลินกับบรรยากาศที่โรแมนติก โดยเฉพาะในยามที่โคมไฟริมคลองสว่างไสวในยามค่ำคืน

7. Narai-juku (奈良井宿) - สถานีเดินทางที่ยาวที่สุด

Narai-juku ตั้งอยู่ในจังหวัดนากาโน เป็นอีกหนึ่งสถานีพักบนเส้นทาง Nakasendo ที่มีชื่อเสียงในฐานะ "สถานีที่ยาวที่สุด" เพราะมีความยาวเกือบ 1 กิโลเมตร หมู่บ้านโบราณญี่ปุ่นแห่งนี้มีบ้านไม้เก่าแก่มากกว่า 400 ปีเรียงรายสองข้างถนนทั้งหมด สร้างทิวทัศน์ที่ยาวไกลสวยงาม

จุดเด่นของ Narai-juku คือบรรยากาศที่เงียบสงบและไม่ค่อยมีนักท่องเที่ยวมากเท่ากับหมู่บ้านอื่นๆ ทำให้คุณสามารถเดินชมและถ่ายภาพได้อย่างสบายใจ บ้านหลายหลังเปลี่ยนเป็นร้านค้าที่ขายงานหัตถกรรมพื้นเมืองอย่าง "Kiso lacquerware" ซึ่งเป็นเครื่องเคลือบด้วยน้ำยางไม้ที่มีชื่อเสียงของภูมิภาคคิโซ

คุณสามารถเข้าชม Nakamura Residence ซึ่งเป็นบ้านไม้โบราณที่เปิดให้เข้าชมภายใน หรือ Tokuri-Tokuri Museum ที่จัดแสดงขวดสาเกะโบราณนับพันแบบ การเที่ยวญี่ปุ่นฤดูหนาวที่ Narai-juku จะได้เห็นภาพบ้านโบราณที่ปกคลุมด้วยหิมะบาง สร้างบรรยากาศที่เงียบสงบและสวยงามแบบเรียบง่าย

8. Kawagoe (川越) - เมืองเล็กเอโดะ

Kawagoe หรือที่รู้จักในชื่อ "Little Edo" ตั้งอยู่ในจังหวัดไซตามะ ห่างจากโตเกียวเพียงประมาณ 30 นาทีด้วยรถไฟ หมู่บ้านโบราณญี่ปุ่นแห่งนี้เป็นสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมสำหรับผู้ที่ต้องการสัมผัสบรรยากาศเมืองเก่าโดยไม่ต้องเดินทางไกล

จุดเด่นของ Kawagoe คือถนน Kurazukuri เต็มไปด้วยโกดังสไตล์คุระที่สร้างขึ้นในยุคเอโดะและเมจิ ปัจจุบันเปลี่ยนเป็นร้านค้า ร้านอาหาร และพิพิธภัณฑ์ Toki-no-Kane (หอระฆังแห่งเวลา) ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของ Kawagoe ยังคงดังกังวานทุก 4 ชั่วโมง ประกาศเวลาให้ชาวเมืองฟังเหมือนในสมัยก่อน

Kashiya Yokocho (ตรอกขนม) เป็นอีกไฮไลท์หนึ่งที่เต็มไปด้วยร้านขนมแบบดั้งเดิมที่มีมากกว่า 20 ร้าน คุณสามารถลิ้มลองขนมหลากหลายชนิดรวมทั้งของที่ระลึกน่ารักๆ ที่ขายในร้านค้าต่างๆ การเตรียมวางแผนเที่ยวญี่ปุ่นมาที่ Kawagoe เหมาะมากสำหรับผู้ที่มีเวลาจำกัด เพราะสามารถไปเช้ากลับเย็นจากโตเกียวได้อย่างสะดวก

Kawagoe ยังเป็นจุดหมายที่ดีสำหรับผู้ที่ต้องการเช่ายูกาตะหรือคิโมโนเดินถ่ายภาพในบรรยากาศญี่ปุ่นโบราณ มีร้านเช่าชุดมากมายที่ให้บริการด้วยราคาไม่แพง และคุณสามารถเดินเล่นในชุดญี่ปุ่นไปตามถนนโบราณได้ตลอดทั้งวัน

การเดินทางของคุณ...ไม่ควรเป็นเพียงแค่การ “ไปถึงจุดหมาย”
แต่ควรเป็นช่วงเวลาที่ได้สัมผัสความงดงามของวัฒนธรรม วิถีชีวิต และหัวใจของญี่ปุ่นอย่างแท้จริง

หมู่บ้านโบราณทั้ง 8 แห่งที่เราแนะนำ คือภาพสะท้อนของ “ญี่ปุ่นในความทรงจำ”
จากบ้านมุงฟางของ Ouchijuku, คลองโรแมนติกใน Kurashiki,
ไปจนถึงหลังคากัสโช่ของ Shirakawago ที่ขาวโพลนในฤดูหนาว — ทุกแห่งคือเรื่องราวที่ควรไปสัมผัสด้วยตัวเองสักครั้งในชีวิต

และเมื่อคุณพร้อมจะเดินทาง...
ให้ CompaxWorld พาคุณไปสัมผัสญี่ปุ่นในมุมที่ลึกกว่า หรูหรากว่า และอบอุ่นกว่าใคร

สัมผัสบริการเหนือระดับในสไตล์ Omotenashi
พักโรงแรมพรีเมียม อาหารชั้นเลิศ พร้อมเส้นทางที่ออกแบบอย่างใส่ใจทุกดีเทล

โทร. 02-169-1766, 082-793-6146, 082-793-6166 LINE : @compaxworld | ใบอนุญาตเลขที่ 11/08451

เจาะลึกทุกมุม คุ้มค่าทุกทริป